Wednesday, September 23, 2009

นำเสนอนวัตกรรมสิทธิบัตร และลิขสิทธิ์ต่อกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สิ่งที่เคยพูดว่า  คิดนอกกรอบ คิดนอกกรอบก็เริ่มแสดงผลแล้ว  กล่าวคือ ศ.ดร.ชัยทัศน์ ไพรินทร์ และคุณพ่อ (กำธร  แสงฤทธิ์) ได้คิดค้นนวัตกรรมได้โดยคิดนอกกรอบ+โชค ... นวัตกรรมนี้คือ การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซพิษอื่นๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดวิกฤตมหันตภัยโลกร้อน

นอกจากนั้นยังมีนวัตกรรมอื่นๆ  อีก รวม 12 นวัตกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ  นานาประเทศทั่วโลก ด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และการสร้างงานสร้างรายได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการว่าสังคมประเทศไทยจะเลือกใช้โปรแกรมอะไรบ้างตามความเหมาะสม

รัฐบาลมีโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน  ทั้งนี้เพื่อสนองต่อระบบวิกฤตที่กำลังประสบปัญหา โดยรัฐเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน (เท่าที่ทราบขณะนั้นยังไม่มีเอกชนเข้าร่วม) ศ.ดร.ชัยทัศน์ และคุณพ่อไปในนามกลุ่มนักวิจัยนวัตกรรมชีวภาพ-นาโน จากการวิเคราะห์ฟังแนวโน้มและสิ่งบ่งชี้นวัตกรรมทั้ง 12 โปรแกรม สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ประเทศชาติและคนไทยปีละมากๆ

นวัตกรรมเหล่านี้เพิ่งค้นพบได้ไม่นานนัก  ได้ทดสอบผ่านสมมติฐานแล้ว ซึ่งมีผลการทดสอบ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ชีวภาพสามารถกำจัดก๊าซ CO2 เข้าใกล้ 0 (ศูนย์) การกำจัดน้ำเสีย ขยะ กลิ่นเหม็น การลดก๊าซ CO2 ในบรรยากาศ การลดก๊าซมีเทน CH4 .ในนาข้าว น้ำประปาคุณภาพสูง ฯลฯ

หน่วยงานรัฐบาลที่คาดว่าจะมาร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์  โดยมีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นเจ้าภาพ  เพื่อดำเนินงานตามขั้นตอน

สรุป  การค้นพบนวัตกรรมนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย ขึ้นอยู่กับคนไทย (ที่มีอำนาจจะคิดอย่างไร) ในฐานะที่คุณพ่อพบปะผู้คนค่อนข้างมาก คุณพ่ออยากเห็นคนไทย

  1. คิดเก่ง คือ คิดวาดฝัน เพ้อฝัน ตามแต่ความคิดตนเอง จึงนำพาไปผลล้มเหลว นั่นคือคิดเก่งกับคิดไม่เป็น พอๆ กัน
  2. คิดเป็น คือ คิดอย่างมีเหตุผลภายใต้หลักคิดและวิธีคิดที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ข้อคิด คนดี คิดดี พูดดี ทำดี ครับ

รักลูกๆ ทุกคน

คุณพ่อ

17 ก.ย. 52

ฟัน...ปัญหาที่ทุกคนอยากหลีกเลี่ยง

ข้อความเล็กๆ  ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง  ข้อความคนอังกฤษจำนวนมากเป็นโรคเหงือกและฟัน หนังสือพิมพ์ไทย คนไทย 80% เป็นโรคเหงือกและฟัน 2 คอลัมน์แสดงให้เห็นว่าปัญหาโรคเหงือกและฟันมีอยู่ทั่วโลก

คุณพ่อก็ศึกษาทดลองและเป็นโรคเหงือกมาแล้ว และสรุปสภาพการณ์ของโรคเหงือกและฟันดังนี้ (ประสบการณ์ตรง)

    1. เหงือกอักเสบ สาเหตุจาก แปรงฟันผิดวิธี คือ แปรงฟันลง-ขึ้น (นี่ถูกต้องแปรงลงอย่างเดียว) มีผลทำให้เงือกเปิด เหงือกไม่เกาะติดกับคอฟันและเกิดช่องว่าง เกิด plague (พลัค) ได้ง่าย
    2. การใช้ไม่จิ้มฟันปลายทู่ (ไม่แหลม) จิ้มเหงือก เพื่อขจัดเศษอาหาร มีผลให้เหงือกช้ำและเปิด
    3. การแปรงฟันไม่ทั่วถึงทำให้การทำความสะอาดฟันไม่สะอาด ในส่วนที่เป็นด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
    4. การแปรงฟันต้องแปรงโคนลิ้น และแปรงเหงือกลงมาตามร่องฟัน (อย่าแปรงย้อนขึ้นเหงือกจะปิด)
    5. ถึงแม้จะไปหาหมอฟันตามกำหนดเวลา 6 เดือนต่อครั้ง หมอฟันก็เคลียร์หินปูนและเหงือกอักเสบเป็นหนองและมีกลิ่นปาก
  • ปัญหา หมอฟันที่คลินิกมีผู้ป่วยมาก ทำให้หมอมีเวลาที่จะเคลียร์ฟันน้อย (เคลียร์ไม่ทั่วถึง บางครั้งเคลียร์เฉพาะในส่วนของคอฟัน หินปูนที่อยู่ใต้คอฟันหมอไม่ได้ขูดออก หินปูนจึงสะสม เหงือกอักเสบ (เป็นหนอง)
  • วิธีการแก้ไข
    1. คลินิกหมอฟันทำหน้าที่ขั้นต้น (First aid) ไปรักษาเหงือกและฟันที่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ฯลฯ
    2. ต้องเพิ่มความเอาใจใส่ รักษาฟันให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้แปรงซอกฟัน ไหมขัดฟัน แปรงที่มีปลายงอน เคลียร์ฟันทั้งด้านหน้า ด้านหลัง (มีขายที่คณะทันตแพทย์ฯ
    3. กรณีที่รับประทานอาหารแล้วเศษอาหารไปค้างอยู่ในช่องหลอกลม ทำให้มีกลิ่นบูดเน่าของเศษอาหารในช่องหลอดลม ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
  • ปัญหา คือ การไม่รู้ว่าจะเคลียร์เศษอาหารออกจากช่องหลอดลมได้อย่างไร
  • วิธีการแก้ไข (ไม่ต้องไปหาหมอ เพราะหมอก็ไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เพียงแต่แนะนำให้กินอาหารช้าๆ และในอินเตอร์เน็ตก็ไม่เคยมีหมอแนะนำว่าให้ทำอย่างไร)
    • การแก้ไขเคลียร์เศษอาหารในช่องหลอดลม ก็คือการอมน้ำที่ใช้อาบ) ประมาณ ¾ ความจุช่องปากและงับปากลง แล้วใช้โคนลิ้นดันน้ำ (Flush) ปริมาณน้ำจะถูกลิ้นดันขึ้นไปด้วย ความแรงพอควรสู่ช่องหลอดลม แรงน้ำจะไปชะล้างเศษอาหารที่ตกค้างบูดเน่าในช่องหลอดลม (ทำใหม่ๆ อาจจะสำลักน้ำบ้าง แต่ต่อไปจะไม่สำลัก) โดยชะล้างเศษอาหารออกหมด ลมหายใจจะสะอาดนะจ๊ะจะบอกให้

รักลูกๆ ทุกคน

คุณพ่อ

13 ก.ย. 52

คิดบ้าๆ...แต่ล้ำยุคล้ำสมัย

การค้นพบนวัตกรรมที่ล้ำยุคล้ำสมัยมองโลก  มีสมมติฐานมาจากการคิดนอกกรอบ เดี๋ยวนี้ในวงการธุรกิจ วิชาการ เศรษฐกิจ จะได้ยินคำว่าคิดนอกกรอบอยู่บ่อยๆ เสมอ

บางคนอาจจะสงสัยว่าคิดนอกกรอบ  คืออะไร คิดนอกกรอบเป็นอย่างไร

การคิดนอกกรอบจะต้องมีพื้นฐานมาจากความคิดในกรอบเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ทางแห่งความสำเร็จอาจจะมีหลายทาง คือทางหรือวิธีการที่นอกเหนือจากเคยทำตามปกติ นั่นแหล่ะคือการคิดนอกกรอบ เพียงแต่ผู้ที่จะคิดนอกกรอบได้จะต้องมีความรู้ค่อนข้างกว้าง รู้จักประยุกต์

การคิดนอกกรอบนอกจากจะได้ความรู้ใหม่ๆ แล้ว เรายังได้นวัตกรรมใหม่ๆ ออกมา ถ้าเราคิดได้แต่ในกรอบก็จะได้ความคิดเก่าๆ วนอยู่ในอ่างและแก้ไขปัญหาไม่ค่อยจะได้

เมืองไทยจะเจริญรุ่งเรืองควรจะมีความคิดใหม่ที่อยู่ในแนวของจริยธรรม ซึ่งเป็นความหวังทั้งของคนรุ่นเก่า  รุ่นกลาง รุ่นใหม่ มีการโกรงกันน้อยที่สุด และถ้าจะให้ดี คนไทยควรเป็นนักคิดและต้องคิดในทางที่ดีภายใต้กฎหมายและศีลธรรม

ขอย้อนกลับมาว่า ในความรู้สึกนึกคิดของบุคลากรระดับสูง เช่น นักวิทยาศาสตร์ใหญ่ ส่วนใหญ่มักจะคิดในกรอบ ถ้าคิดนอกกรอบเขาอาจจะว่าผู้คิดนอกกรอบน่ะบ้า  คิดบ้าๆ แต่เริ่มประจักษ์แล้วว่า เครื่องบิน จรวด รถยนต์ รถไฟเป็นเรื่องของคนคิดนอกกรอบทั้งนั้น

ลูกๆ  อาจจะสงสัยว่าคุณพ่อพูดเรื่องนอกกรอบและสนับสนุนให้ผู้อื่นคิดนอกกรอบ คุณพ่อมีผลงานการคิดนอกกรอบอยู่หรือเปล่า? คุณพ่อขอตอบว่า มี มีอยู่หลายเรื่องที่สามารถจดลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรได้ คาดว่าลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและมวลมนุษยชาติในอนาคต

ประโยชน์  การคิดนอกกรอบจะเกิดสิ่งใหม่ๆ ทั้งในการแก้ไขปัญหาและการเกิดนวัตกรรม

ข้อคิด ผู้มีทักษะในการคิดนอกกรอบจะต้องเป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มและคิดถึงประโยชน์ของส่วนรวม อีดทั้งมีความมุ่งมั่นนะลูก

รักลูกๆ เสมอ

คุณพ่อ

7 ก.ย. 52

ทดสอบผี...ผีทดสอบ

ลูกๆ  เอ๊ย...คุณพ่อขอต่อเรื่องผีอีกหน่อยนะครับ  สำหรับเรื่องผีๆ คุณพ่อได้รับข้อมูลเรื่องราวมากก็เอาเพียงตัวอย่างแล้วกัน

เหตุเกิด  ณ บ้านรับรองเขื่อน กฟผ. แห่งหนึ่ง วิศวกรหนุ่มใหม่ไฟแรงเดินทางมาปฏิบัติงานและเข้าพักบ้านพักหลังดังกล่าว ระหว่างพักอยู่ 1 เดือน วิศวกรหนุ่มก็ฟังประวัติบ้านที่พักอยู่เผอิญว่าตนเองไม่กลัวผี จึงท้าทายอยากเจอ ก็เริ่มปรากฏการณ์แปลกๆ ก็ยังไม่กลัว

อยู่มาวันหนึ่งเปิดประตูตอนเช้าเพื่อจะไปทำงาน  งูเห่าขนาดใหญ่ตั้งท่ารออยู่ก็ฉกเข้าที่ขา ต้องรีบเข้าสถานพยาบาลฉีดเซรุ่มก็เป็นอันรอดตาย ต้องย้ายออกจากบ้านพักไปพักที่อื่น

เหตุเกิดที่ 2 บ้านหลังเดิมหน่วยบำรุงรักษาถนนมีอยู่ 6 คน ก็มาพักบ้านรับรองหลังนี้ อยู่กันหลายคนจึงไม่กลัวอะไร กินเหล้าเมาแล้วก็พูดไปทั่ว ทั้งๆ ที่มีคนเตือนแล้ว ปรากฏว่ามีคนเดินรอบบ้านทั้งคืน เสียงเคาะบ้าน เดี๋ยวเคาะชั้นล่าง เดี๋ยวเคาะชั้นบน มีคนมากระโดดทับ เป็นต่อเนื่องอยู่ 3 วัน คณะหน่วยงานฯ ต้องขอย้ายไปพักหลังใหม่

เหตุเกิดที่ 3 ผีญวนที่โรงแรมเมืองเว้ คณะผู้อาวุโสหน่วยงานแห่งหนึ่งไปเที่ยวที่เวียดนาม หลังจากไปท่องเที่ยวก็เข้าที่พักตามห้องที่จัดให้ โรงแรมที่เป็นโรงแรมเก่าแต่รักษาดีจึงดูดี ทีมท่องเที่ยวสามี-ภรรยาคู่หนึ่งก็พักเหมือนคู่พักทั่วๆ ไป ตกดึกก็ต้องตกใจตื่นขึ้น เมื่อมีผู้อยู่ในห้องเกินมา 2 คน เป็นผู้หญิง 1 คน เด็ก 1 คน ผู้หญิงก็มานั่งที่เตียงแล้วก็คราง ฮือ ฮือ!! ส่วนเด็กก็ปีนเตียงแล้วกระโด ผู้เข้าพักตอนแรกก็คิดว่าตนเองฝัน แสงสลัว เอ! มันไม่ใช่ฝันนี่นา ผู้หญิงผมยาวไม่เห็นหน้าเห็นตา มองไปทางภรรยาก็ยับนอนอยู่คนละเตียง แล้วไอ้ที่นั่งอยู่เตรียงเราเขาเป็นใคร เด็กก็ยังปีนกระโดดอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ผีนี่หว่า สามีก็ร้องโวยวาย ผีผู้หญิงและผีเด็กก็จางหายไป

2 คนสามีภรรยาก็ไหว้พระแล้วจะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แล้วก็หลับนอนต่อ ผีแม่ลูกก็มาอีก แสดงว่าผีญวนฟังภาษาไทยไม่ออก ผีแม่ไปนั่งที่ชุดรับแขก ผีเด็กวิ่งเล่นภายในห้อง

ตกลง  2 สามีภรรยาเปิดไฟห้องสว่างและติดต่อเคาร์เตอร์ขอเปลี่ยนห้องใหม่ จึงได้นอนในคืนนั้น ตอนเช้าก็ไปถามพนักงานโรงแรมว่าห้องเลขที่นี้มีคนตายรึเปล่า พนักงานโรงแรมไม่พูดได้แต่ยิ้ม แต่คนไทยก็กลัวผีเน้อ

ประโยชน์  ของการท่องเที่ยวได้รู้ได้เห็นของใหม่ๆ  ทำให้เกิดความคิดดีๆ

ข้อคิด  ทุกชาติทุกภาษาจะมีคำว่าผีและวิญญาณ บุคคลทำความดี ตายแล้วจะไปอยู่ในภพที่ดีตามที่ตนเองได้ประกอบกรรมดี และการไปเกิดใหม่ก็จะเกิดในชาติตระกูลที่ดี ฝากลูกหลานให้ทำความดี ความดีจะเป็นเกราะคุ้มครองให้อยู่ดีมีสุขนะลูก

รักลูกๆ เสมอ

คุณพ่อ

7 ก.ย. 52

Sunday, August 30, 2009

ผี!! ผีผู้ช่วย

ใครกลัวผียกมือขึ้น?

ใครกลัวผียกมือขึ้น? พูดเรื่องผี ผีแต่ละประเทศก็มีรูปของผีแตกต่างกันออกไป ผีฝรั่งก็เช่น แดร็กคูล่าร์ กลัวกระเทียม ผีซอบบี้ต้องยิงหัวเท่านั้น ผีจีนก็จะแต่งชุดแบบแมนจู กระโดดเป็นก้าวๆ พร้อมกับยื่นแขนซ้าย-ขวาไปข้างหน้า และบางครั้งก็สามารถแสดงวรยุทธ์ (มวยจีนได้) เฮ้อ...แปลก

      ผีไทยมีอยู่หลายรูปแบบ เปรตก็สูงหัวใหญ่ คอยาว  ปากเท่ารูเข็ม ผีกระสือมีหัวกับลำไส้และกระเพาะอาหาร ลอยไปลอยมาได้ ฯลฯ ยังไงยังไงผีก็น่ากลัวอยู่ดีนั่นแหละ

      คุณพ่อต้องเดินทางไปปฏิบัติงานทั้งกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ  ประมาณ 30 ปี ประมาณ 1000 ครั้ง  ไม่เคยเจอผีหลอกในที่พักเลย (คุณแม่เจอเสมอ)

      การไปพักตามโรงแรมที่อายุมากเก่าๆ  ไม่รู้ใครเป็นใครตายหรือบ้านรับรองตามหน่วยงานเขื่อน มีประวัติผีดุหรือตามรีสอร์ท  ที่อยู่ห่างกันและวังเวง

      ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับคำว่า  “ผี” เสียก่อน ผี คือ วิญญาณของมนุษย์  ผีต้องทำหน้าที่ผี คือ  เป็นผีต้องหลอก ถ้าไม่หลอกย่อมไม่ใช่ผีแน่นอน

      สภาพการตายของคนตามโรงแรม  บ้านพัก เช่น กินยาตาย ยิงตัวตาย  หัวใจวาย ฆ่ากันตาย ไฟดูดตาย ผูกคอตาย ถ้าไม่มีการตายก็อาจจะมีโอปาติกะ (ผี/วิญญาณเร่ร่อน) เข้ามาสิงสถิต  นอกนั้นก็เป็นผีปู่ย่าตายายประจำบ้าน

      ลูกๆ  เคยประสบพบกับผีหลอกบ้างหรือเปล่า ถ้าเคยโดนผีหลอกแล้วก็คือว่าเป็นประสบการณ์  แต่ถ้ายังไม่เคย  และมีแนวโน้มว่าอาชีพหรือการงานจะต้องเดินทางเสมอน่าจะทราบเคล็ดแต่ไม่ลับไว้บ้างก็จะดี เพราะถ้าถูกผีหลอกในห้องพักตอนกลางคืนระหว่างการนอนย่อมไม่ดีแน่นอน มันจะเครียดขนาดไหน โดยเฉพาะการพักคนเดียวจิตสำนึกลึกๆ ของคนส่วนใหญ่จะกลัวผีครับ

เคล็ดไม่ลับง่ายๆ  ดังนี้

   1. สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย เสร็จแล้วต่อข้อ 2
   2. ถ้ามีเจ้าที่เจ้าทาง (ผี) ในห้อง ขอให้ช่วยคุ้มครองปกป้องรักษาดูแลทรัพย์สินให้ด้วย ขอบคุณ (อย่าลืมขอบคุณผีด้วยนะลูก) จะมีความรู้สึกว่าผีเป็นเพื่อนเรา ความรู้สึกกลัวลึกๆ จะหายไป รับรองผีไม่มาหาแน่ หรือถ้ามีชอบใจอาจบอกหวยก็ได้
   3. ถ้าลูกๆ ดวงแข็ง ไม่ต้องทำทั้ง 2 ข้อเลยก็ได้ ผีย่อมเข้าใจและยอมรับได้ เจ้า

สรุป ผีมีจริง อย่าลบหลู่นะลูก

ข้อคิด กำลังใจบางครั้งเกิดได้จากสิ่งที่ไร้ตัวตน ขอให้คิดดี ทำดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะสนับสนุนเอง

รักลูกๆ ทุกคน

พ่อ
25 ส.ค. 2552

ม้าออกลูกและดนตรีฝึก

      ลูกๆ  นักเรียน นักศึกษา คงได้เรียนตำราพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊กมาบ้างแล้ว  ซึ่งมีอยู่หลายตอนที่น่าศึกษาทั้งนั้น แต่ละตอนมีข้อคิดแง่คิดทางการทหาร การบริหารและการปกครอง  สามก๊กเต็มไปด้วยกลยุทธเล่ห์เหลี่ยม ความดีและความชั่ว แล้วแต่ผุ้ศึกษาจะจับข้อคิดแง่คิดส่วนไหน

      คุณพ่ออยากจะเล่าถึงสามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือในส่วนย่อย แสดงให้เห็นถึงการผูกมิตรของผู้มีอำนาจและฝีมือการรบด้วยความสามารถทางปัญญา
 

      จูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) ที่ปรึกษามองท่านเล่าปี่เชื้อสายกษัตริย์ 1 ใน 3 ก๊ก เดินทางไปเชิญชวนจิวยี่ ทหารเอกของท่านซุนกวน (1 ใน 3 ก๊ก) เพื่อร่วมมือกันรบต่อต้านโจโฉ สมุหนายก

สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อจูกัดเหลียงในการเชิญชวนจิวยี่

         1. ม้าของจิวยี่คลอดลูก แต่ลูกม้าคลอดโดยเอาขาหน้าออกมาข้างหนึ่ง เป็นเชนนี้อยู่ 2 วัน ทั้งจิวยี่และทางเสียวเกี้ยว (ภรรยา) จูกัดเหลียง และก่าเหล็ง อยู่ในคอกม้า ทั้งนี้จูกัดเหลียงได้อาสาทำคลอดลูกม้า โดยใช้มือจับขาลูกม้าดันเข้าทางช่องคลอดเข้าไปจัดขาม้าให้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติ แล้วจับขาหน้าลูกม้าดึงออกมาจากท้องแม่ม้า และแม่ม้าก็คลอดได้ตามปกติ จิวยี่ก็ดูชื่นชมจูกัดเหลียงอยู่ในที

         2. คืนนั้นทั้งจิวยี่ก็บรรเลงเพลงด้วยขิมให้จูกัดเหลียงฟัง และจูกัดเหลียงก็บรรเลงเพลงให้จิวยี่ฟัง

      ท้ายทั้ง 2 คน ก็บรรเลงเพลงขับเคี่ยวกัน ดั่งประสานความในใจของความรักชาติรักแผ่นดิน และจะร่วมกันกำจัดคนชั่ว (โจโฉ) ของแผ่นดิน โดยท่าทีโจโฉจะเป็นกบฏชิงราชบัลลังก์จากฮ่องเต้

      ผลจูกัดเหลียงก็ได้จิวยี่และทีมนักรบรองลงไปมาร่วมกันรบ ทำให้ทั้งก๊กเล่าปี่และก๊กซุนกวนมีความเข้มแข็งขึ้น แต่เมื่อเทียบจำนวนทหาร 3 หมื่น สู้กับทหารโจโฉ 8 แสน ภายใต้เสนาธิการ (ที่ปรึกษา) จูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) เปรียบคำสั่งรบ แล้วงงครับ แต่ก็เชื่อมือจูกัดเหลียง

      สรุปสุดท้ายของการรบทางเรือโจโฉต้องแพ้และแตกพ่าย กองทัพเรือถูกไฟไหม้ ทหารแตกทัพ (ยุติสงครามในตอนนั้น) แต่สงครามก็ยังต่อเนื่อง

      คุณพ่ออยากจะชี้ให้ลูกๆ  เห็นจุดที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีสู่การร่วมมือกันสู้รบ (ตายเป็นตาย เพราะการรบไม่ใช่การเดิน  shopping แน่นอน) นั่นคือ ความจริงใจและความต้องการร่วมกัน ใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

      ข้อคิด ความรักชาติบ้านเมือง ควรยืนอยู่ในอุดมการณ์ของชาติและประชาชน ซึ่งลูกหลานต่อไปจะเป็นผู้รับผิดชอบบ้านเมือง

รักลูกๆ ทุกคน

พ่อ
27 ส.ค. 2552

Sunday, August 23, 2009

หมาเหลืองพี่โน้ต ต้องดูนะจ๊ะ!

      ร้านไอเบอรี่ (iberry) เป็นร้านไอศกรีม/กาแฟที่ฮิตที่สุดของเชียงใหม่ ลูกๆ คงรู้นะว่าร้านไอเบอรี่ของใคร? ถ้านักเรียน นักศึกษาคนไหนไม่รู้-ก็เชยแบบแอ๊บแบ๊ว ลูกๆ ที่จะเข้าร้านที่โน้ตคงจะต้องมีหมากกะตังค์หน่อยนะจ๊ะจะบอกให้!!

      คุณพ่อมีโอกาสไปนั่งร้านพี่โน้ตก่อนเวลายังไม่มีลูกค้ามาเลยซักคน  แต่คุณพ่อก็มีเพื่นร่วมร้านอยู่ 1 ตัว ลูกๆ ลองเดาดูซิว่า  เพื่อนร่วมนั่งชมวิวเย็นๆ สบาย สบาย ระคนกับคนงานลุงโน้ตก็กำลังกวาดใบไม้แกร๊ก แกร๊ก มองเลบไปถึงผนังรั้วด้านหลัง  เห็นรูปปูนปั้นรูปร่างรีแบบไข่  มีตา มีจมูก มีปาก แต่ที่แน่ๆ จมูกใหญ่ๆ แบบพีโน้ต ดูแล้วเหมือนพี่โน้ตชะมัด

      วกกลับมาถึงหมาเหลืองยืนเป็นเพื่อนคุณพ่อ คุณพ่อนั่งพิจารณาดู ดูอย่างไรก็คล้ายพี่โน้ต  เหมือนดังที่พี่โน้ตพูดไว้ในการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน ลูกๆ ดูดูกันอยู่แล้วว่าเป็นหมาตัวผู้หรือตัวเมีย อาจจะดูยาก เพราะพี่โน๊ตไม่ได้ปั้นสัญลักษณ์ของเพศไว้ ที่จริงถ้าจะให้หมาเหลืองใหญ่ตัวนี้มีชีวิตชีวา  พี่โน้ตน่าจะปั้นให้ท่าทาง  กริยาในบางท่าซึ่งจะทำให้ลูกค้าร้านไอเบอรี่ได้มีความสุข ขำขันในขณะนั่งทานไอศกรีมหรือกาแฟในบริเวณร้านนะครับ
    1. หมาเหลืองอาจจะอยู่ในท่าสวัสดี และนั่งขาไขว่ห้างขาซ้ายจะทับขาขวาหรือขาขวาจะทับขาซ้ายก็ได้ เป็นกริยาที่ประทับใจจ๊อด ท่าทางแบบไทยผสมนักเลงหน่อยๆ แถมยิ้มหน่อยๆ จะดีมาก
    2. หมาเหลืองยืนมานานแล้ว ค่อนข้างจะจืดชืดแถมจะปวดเบา พี่โน้ตอาจจะปั้นให้มีท่าทางยืนฉี่ ถ้าพี่โน้ตมั่นใจว่าเป็นหมาตัวผู้จะต้องให้หมาเหลืองยกขาหลังแล้วงอขามาทางข้างหลัง (เป็นท่าฉี่ของหมาตัวผู้) แต่ถ้าพี่โน้ตมั่นใจว่าเป็นหมาตัวเมีย ก็ปั้นให้มีท่าทางนั่งยองไปทางหลังเล็กน้อย (เป็นท่าฉี่ของหมาตัวเมีย)
         ทั้ง 2 ท่านี้จะทำให้ หมาเหลืองพี่โน้ตท่าทางน่ารักทั้ง 2 และจะเป็นที่โจษจัน สร้างความขำขันและความสุขให้ลูกค้า นักเรียนนักศึกษาและบุคคลทั่วไปมากยิ่งขึ้น เพราะการเล่าปากต่อปากจะทำให้มีลูกค้ามาชมและอุดหนุนไอศครีม/กาแฟพี่โน้ตมากยิ่งขึ้น รวยซะไม่มีหรือไม่ก็รวยจนเข็ด! จนอาจเกิดสโลแกนว่า ใครไม่ได้ไปนั่งกินไอศครีมหรือจิบกาแฟที่ร้านพี่โน๊ตก็ไปไม่ถึงเจียงใหม่นะเจ้า!

         พี่โน้ตหัวใสนะลูก (หัวดีมีการคิดริเริ่มดี) ที่จัดทำของเล่น/ของฝากเป็นตุ๊กตาหมาจำลองแบบหมาตัวใหญ่ไว้ขาย  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเอกบุรุษของพี่โน้ตเขา  คุณพ่อขอเสนอพี่โน้ตไว้เลยว่า ตุ๊กตาหมาควรจะทำหลายๆ  อิริยาบถ เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อได้อย่างถูกใจ เผลอๆ อาจจะขายดิบขายดีเป็น OTOP อันดับหนึ่งของเชียงใหม่ก็เป็นไปได้นะครับ

         คุณพ่อมีคำถามเกี่ยวกับพี่โน้ต ลูกๆ ลองตอบเล่นๆ ก็ได้ ...
    1. พี่โน้ตมีบุคลิกภาพอย่างไร?
    2. มีความมุ่งมั่น เข้มแข็งอะไร?
    3. มีความคิดแนวศิลปะแบบไหน?
    4. มีวิธีการสร้างเนื้อ สร้างตัว สร้างฐานะ อย่างไร?
    5. ทำไมต้องมีรูปปั้นเหมาเจอตุงและมิกกี้เม้าส์?
    6. มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพอย่างไร?
 คุณพ่อชื่นชมพี่โน้ต พี่โน้ตเป็นตัวอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่ทั้งนักเรียนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป

ข้อคิด

การดำเนินชีวิตของคนไม่ใช่โปรยด้วยกลีบกุหลาบ จะมีทั้งหนามและเศษแก้ว ลูกๆ ต้องมีความเข้มแข็ง อดทน มีเหตุมีผล และมีเป้าหมายชีวิต ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


      รักลูกๆ ทุกคน
      จากพ่อ
      24 ส.ค. 2552