Wednesday, September 23, 2009

นำเสนอนวัตกรรมสิทธิบัตร และลิขสิทธิ์ต่อกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สิ่งที่เคยพูดว่า  คิดนอกกรอบ คิดนอกกรอบก็เริ่มแสดงผลแล้ว  กล่าวคือ ศ.ดร.ชัยทัศน์ ไพรินทร์ และคุณพ่อ (กำธร  แสงฤทธิ์) ได้คิดค้นนวัตกรรมได้โดยคิดนอกกรอบ+โชค ... นวัตกรรมนี้คือ การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซพิษอื่นๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดวิกฤตมหันตภัยโลกร้อน

นอกจากนั้นยังมีนวัตกรรมอื่นๆ  อีก รวม 12 นวัตกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ  นานาประเทศทั่วโลก ด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และการสร้างงานสร้างรายได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการว่าสังคมประเทศไทยจะเลือกใช้โปรแกรมอะไรบ้างตามความเหมาะสม

รัฐบาลมีโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน  ทั้งนี้เพื่อสนองต่อระบบวิกฤตที่กำลังประสบปัญหา โดยรัฐเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน (เท่าที่ทราบขณะนั้นยังไม่มีเอกชนเข้าร่วม) ศ.ดร.ชัยทัศน์ และคุณพ่อไปในนามกลุ่มนักวิจัยนวัตกรรมชีวภาพ-นาโน จากการวิเคราะห์ฟังแนวโน้มและสิ่งบ่งชี้นวัตกรรมทั้ง 12 โปรแกรม สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ประเทศชาติและคนไทยปีละมากๆ

นวัตกรรมเหล่านี้เพิ่งค้นพบได้ไม่นานนัก  ได้ทดสอบผ่านสมมติฐานแล้ว ซึ่งมีผลการทดสอบ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ชีวภาพสามารถกำจัดก๊าซ CO2 เข้าใกล้ 0 (ศูนย์) การกำจัดน้ำเสีย ขยะ กลิ่นเหม็น การลดก๊าซ CO2 ในบรรยากาศ การลดก๊าซมีเทน CH4 .ในนาข้าว น้ำประปาคุณภาพสูง ฯลฯ

หน่วยงานรัฐบาลที่คาดว่าจะมาร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์  โดยมีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นเจ้าภาพ  เพื่อดำเนินงานตามขั้นตอน

สรุป  การค้นพบนวัตกรรมนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย ขึ้นอยู่กับคนไทย (ที่มีอำนาจจะคิดอย่างไร) ในฐานะที่คุณพ่อพบปะผู้คนค่อนข้างมาก คุณพ่ออยากเห็นคนไทย

  1. คิดเก่ง คือ คิดวาดฝัน เพ้อฝัน ตามแต่ความคิดตนเอง จึงนำพาไปผลล้มเหลว นั่นคือคิดเก่งกับคิดไม่เป็น พอๆ กัน
  2. คิดเป็น คือ คิดอย่างมีเหตุผลภายใต้หลักคิดและวิธีคิดที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ข้อคิด คนดี คิดดี พูดดี ทำดี ครับ

รักลูกๆ ทุกคน

คุณพ่อ

17 ก.ย. 52

ฟัน...ปัญหาที่ทุกคนอยากหลีกเลี่ยง

ข้อความเล็กๆ  ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง  ข้อความคนอังกฤษจำนวนมากเป็นโรคเหงือกและฟัน หนังสือพิมพ์ไทย คนไทย 80% เป็นโรคเหงือกและฟัน 2 คอลัมน์แสดงให้เห็นว่าปัญหาโรคเหงือกและฟันมีอยู่ทั่วโลก

คุณพ่อก็ศึกษาทดลองและเป็นโรคเหงือกมาแล้ว และสรุปสภาพการณ์ของโรคเหงือกและฟันดังนี้ (ประสบการณ์ตรง)

    1. เหงือกอักเสบ สาเหตุจาก แปรงฟันผิดวิธี คือ แปรงฟันลง-ขึ้น (นี่ถูกต้องแปรงลงอย่างเดียว) มีผลทำให้เงือกเปิด เหงือกไม่เกาะติดกับคอฟันและเกิดช่องว่าง เกิด plague (พลัค) ได้ง่าย
    2. การใช้ไม่จิ้มฟันปลายทู่ (ไม่แหลม) จิ้มเหงือก เพื่อขจัดเศษอาหาร มีผลให้เหงือกช้ำและเปิด
    3. การแปรงฟันไม่ทั่วถึงทำให้การทำความสะอาดฟันไม่สะอาด ในส่วนที่เป็นด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
    4. การแปรงฟันต้องแปรงโคนลิ้น และแปรงเหงือกลงมาตามร่องฟัน (อย่าแปรงย้อนขึ้นเหงือกจะปิด)
    5. ถึงแม้จะไปหาหมอฟันตามกำหนดเวลา 6 เดือนต่อครั้ง หมอฟันก็เคลียร์หินปูนและเหงือกอักเสบเป็นหนองและมีกลิ่นปาก
  • ปัญหา หมอฟันที่คลินิกมีผู้ป่วยมาก ทำให้หมอมีเวลาที่จะเคลียร์ฟันน้อย (เคลียร์ไม่ทั่วถึง บางครั้งเคลียร์เฉพาะในส่วนของคอฟัน หินปูนที่อยู่ใต้คอฟันหมอไม่ได้ขูดออก หินปูนจึงสะสม เหงือกอักเสบ (เป็นหนอง)
  • วิธีการแก้ไข
    1. คลินิกหมอฟันทำหน้าที่ขั้นต้น (First aid) ไปรักษาเหงือกและฟันที่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ฯลฯ
    2. ต้องเพิ่มความเอาใจใส่ รักษาฟันให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้แปรงซอกฟัน ไหมขัดฟัน แปรงที่มีปลายงอน เคลียร์ฟันทั้งด้านหน้า ด้านหลัง (มีขายที่คณะทันตแพทย์ฯ
    3. กรณีที่รับประทานอาหารแล้วเศษอาหารไปค้างอยู่ในช่องหลอกลม ทำให้มีกลิ่นบูดเน่าของเศษอาหารในช่องหลอดลม ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
  • ปัญหา คือ การไม่รู้ว่าจะเคลียร์เศษอาหารออกจากช่องหลอดลมได้อย่างไร
  • วิธีการแก้ไข (ไม่ต้องไปหาหมอ เพราะหมอก็ไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เพียงแต่แนะนำให้กินอาหารช้าๆ และในอินเตอร์เน็ตก็ไม่เคยมีหมอแนะนำว่าให้ทำอย่างไร)
    • การแก้ไขเคลียร์เศษอาหารในช่องหลอดลม ก็คือการอมน้ำที่ใช้อาบ) ประมาณ ¾ ความจุช่องปากและงับปากลง แล้วใช้โคนลิ้นดันน้ำ (Flush) ปริมาณน้ำจะถูกลิ้นดันขึ้นไปด้วย ความแรงพอควรสู่ช่องหลอดลม แรงน้ำจะไปชะล้างเศษอาหารที่ตกค้างบูดเน่าในช่องหลอดลม (ทำใหม่ๆ อาจจะสำลักน้ำบ้าง แต่ต่อไปจะไม่สำลัก) โดยชะล้างเศษอาหารออกหมด ลมหายใจจะสะอาดนะจ๊ะจะบอกให้

รักลูกๆ ทุกคน

คุณพ่อ

13 ก.ย. 52

คิดบ้าๆ...แต่ล้ำยุคล้ำสมัย

การค้นพบนวัตกรรมที่ล้ำยุคล้ำสมัยมองโลก  มีสมมติฐานมาจากการคิดนอกกรอบ เดี๋ยวนี้ในวงการธุรกิจ วิชาการ เศรษฐกิจ จะได้ยินคำว่าคิดนอกกรอบอยู่บ่อยๆ เสมอ

บางคนอาจจะสงสัยว่าคิดนอกกรอบ  คืออะไร คิดนอกกรอบเป็นอย่างไร

การคิดนอกกรอบจะต้องมีพื้นฐานมาจากความคิดในกรอบเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ทางแห่งความสำเร็จอาจจะมีหลายทาง คือทางหรือวิธีการที่นอกเหนือจากเคยทำตามปกติ นั่นแหล่ะคือการคิดนอกกรอบ เพียงแต่ผู้ที่จะคิดนอกกรอบได้จะต้องมีความรู้ค่อนข้างกว้าง รู้จักประยุกต์

การคิดนอกกรอบนอกจากจะได้ความรู้ใหม่ๆ แล้ว เรายังได้นวัตกรรมใหม่ๆ ออกมา ถ้าเราคิดได้แต่ในกรอบก็จะได้ความคิดเก่าๆ วนอยู่ในอ่างและแก้ไขปัญหาไม่ค่อยจะได้

เมืองไทยจะเจริญรุ่งเรืองควรจะมีความคิดใหม่ที่อยู่ในแนวของจริยธรรม ซึ่งเป็นความหวังทั้งของคนรุ่นเก่า  รุ่นกลาง รุ่นใหม่ มีการโกรงกันน้อยที่สุด และถ้าจะให้ดี คนไทยควรเป็นนักคิดและต้องคิดในทางที่ดีภายใต้กฎหมายและศีลธรรม

ขอย้อนกลับมาว่า ในความรู้สึกนึกคิดของบุคลากรระดับสูง เช่น นักวิทยาศาสตร์ใหญ่ ส่วนใหญ่มักจะคิดในกรอบ ถ้าคิดนอกกรอบเขาอาจจะว่าผู้คิดนอกกรอบน่ะบ้า  คิดบ้าๆ แต่เริ่มประจักษ์แล้วว่า เครื่องบิน จรวด รถยนต์ รถไฟเป็นเรื่องของคนคิดนอกกรอบทั้งนั้น

ลูกๆ  อาจจะสงสัยว่าคุณพ่อพูดเรื่องนอกกรอบและสนับสนุนให้ผู้อื่นคิดนอกกรอบ คุณพ่อมีผลงานการคิดนอกกรอบอยู่หรือเปล่า? คุณพ่อขอตอบว่า มี มีอยู่หลายเรื่องที่สามารถจดลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรได้ คาดว่าลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและมวลมนุษยชาติในอนาคต

ประโยชน์  การคิดนอกกรอบจะเกิดสิ่งใหม่ๆ ทั้งในการแก้ไขปัญหาและการเกิดนวัตกรรม

ข้อคิด ผู้มีทักษะในการคิดนอกกรอบจะต้องเป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มและคิดถึงประโยชน์ของส่วนรวม อีดทั้งมีความมุ่งมั่นนะลูก

รักลูกๆ เสมอ

คุณพ่อ

7 ก.ย. 52

ทดสอบผี...ผีทดสอบ

ลูกๆ  เอ๊ย...คุณพ่อขอต่อเรื่องผีอีกหน่อยนะครับ  สำหรับเรื่องผีๆ คุณพ่อได้รับข้อมูลเรื่องราวมากก็เอาเพียงตัวอย่างแล้วกัน

เหตุเกิด  ณ บ้านรับรองเขื่อน กฟผ. แห่งหนึ่ง วิศวกรหนุ่มใหม่ไฟแรงเดินทางมาปฏิบัติงานและเข้าพักบ้านพักหลังดังกล่าว ระหว่างพักอยู่ 1 เดือน วิศวกรหนุ่มก็ฟังประวัติบ้านที่พักอยู่เผอิญว่าตนเองไม่กลัวผี จึงท้าทายอยากเจอ ก็เริ่มปรากฏการณ์แปลกๆ ก็ยังไม่กลัว

อยู่มาวันหนึ่งเปิดประตูตอนเช้าเพื่อจะไปทำงาน  งูเห่าขนาดใหญ่ตั้งท่ารออยู่ก็ฉกเข้าที่ขา ต้องรีบเข้าสถานพยาบาลฉีดเซรุ่มก็เป็นอันรอดตาย ต้องย้ายออกจากบ้านพักไปพักที่อื่น

เหตุเกิดที่ 2 บ้านหลังเดิมหน่วยบำรุงรักษาถนนมีอยู่ 6 คน ก็มาพักบ้านรับรองหลังนี้ อยู่กันหลายคนจึงไม่กลัวอะไร กินเหล้าเมาแล้วก็พูดไปทั่ว ทั้งๆ ที่มีคนเตือนแล้ว ปรากฏว่ามีคนเดินรอบบ้านทั้งคืน เสียงเคาะบ้าน เดี๋ยวเคาะชั้นล่าง เดี๋ยวเคาะชั้นบน มีคนมากระโดดทับ เป็นต่อเนื่องอยู่ 3 วัน คณะหน่วยงานฯ ต้องขอย้ายไปพักหลังใหม่

เหตุเกิดที่ 3 ผีญวนที่โรงแรมเมืองเว้ คณะผู้อาวุโสหน่วยงานแห่งหนึ่งไปเที่ยวที่เวียดนาม หลังจากไปท่องเที่ยวก็เข้าที่พักตามห้องที่จัดให้ โรงแรมที่เป็นโรงแรมเก่าแต่รักษาดีจึงดูดี ทีมท่องเที่ยวสามี-ภรรยาคู่หนึ่งก็พักเหมือนคู่พักทั่วๆ ไป ตกดึกก็ต้องตกใจตื่นขึ้น เมื่อมีผู้อยู่ในห้องเกินมา 2 คน เป็นผู้หญิง 1 คน เด็ก 1 คน ผู้หญิงก็มานั่งที่เตียงแล้วก็คราง ฮือ ฮือ!! ส่วนเด็กก็ปีนเตียงแล้วกระโด ผู้เข้าพักตอนแรกก็คิดว่าตนเองฝัน แสงสลัว เอ! มันไม่ใช่ฝันนี่นา ผู้หญิงผมยาวไม่เห็นหน้าเห็นตา มองไปทางภรรยาก็ยับนอนอยู่คนละเตียง แล้วไอ้ที่นั่งอยู่เตรียงเราเขาเป็นใคร เด็กก็ยังปีนกระโดดอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ผีนี่หว่า สามีก็ร้องโวยวาย ผีผู้หญิงและผีเด็กก็จางหายไป

2 คนสามีภรรยาก็ไหว้พระแล้วจะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แล้วก็หลับนอนต่อ ผีแม่ลูกก็มาอีก แสดงว่าผีญวนฟังภาษาไทยไม่ออก ผีแม่ไปนั่งที่ชุดรับแขก ผีเด็กวิ่งเล่นภายในห้อง

ตกลง  2 สามีภรรยาเปิดไฟห้องสว่างและติดต่อเคาร์เตอร์ขอเปลี่ยนห้องใหม่ จึงได้นอนในคืนนั้น ตอนเช้าก็ไปถามพนักงานโรงแรมว่าห้องเลขที่นี้มีคนตายรึเปล่า พนักงานโรงแรมไม่พูดได้แต่ยิ้ม แต่คนไทยก็กลัวผีเน้อ

ประโยชน์  ของการท่องเที่ยวได้รู้ได้เห็นของใหม่ๆ  ทำให้เกิดความคิดดีๆ

ข้อคิด  ทุกชาติทุกภาษาจะมีคำว่าผีและวิญญาณ บุคคลทำความดี ตายแล้วจะไปอยู่ในภพที่ดีตามที่ตนเองได้ประกอบกรรมดี และการไปเกิดใหม่ก็จะเกิดในชาติตระกูลที่ดี ฝากลูกหลานให้ทำความดี ความดีจะเป็นเกราะคุ้มครองให้อยู่ดีมีสุขนะลูก

รักลูกๆ เสมอ

คุณพ่อ

7 ก.ย. 52