Sunday, August 30, 2009

ผี!! ผีผู้ช่วย

ใครกลัวผียกมือขึ้น?

ใครกลัวผียกมือขึ้น? พูดเรื่องผี ผีแต่ละประเทศก็มีรูปของผีแตกต่างกันออกไป ผีฝรั่งก็เช่น แดร็กคูล่าร์ กลัวกระเทียม ผีซอบบี้ต้องยิงหัวเท่านั้น ผีจีนก็จะแต่งชุดแบบแมนจู กระโดดเป็นก้าวๆ พร้อมกับยื่นแขนซ้าย-ขวาไปข้างหน้า และบางครั้งก็สามารถแสดงวรยุทธ์ (มวยจีนได้) เฮ้อ...แปลก

      ผีไทยมีอยู่หลายรูปแบบ เปรตก็สูงหัวใหญ่ คอยาว  ปากเท่ารูเข็ม ผีกระสือมีหัวกับลำไส้และกระเพาะอาหาร ลอยไปลอยมาได้ ฯลฯ ยังไงยังไงผีก็น่ากลัวอยู่ดีนั่นแหละ

      คุณพ่อต้องเดินทางไปปฏิบัติงานทั้งกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ  ประมาณ 30 ปี ประมาณ 1000 ครั้ง  ไม่เคยเจอผีหลอกในที่พักเลย (คุณแม่เจอเสมอ)

      การไปพักตามโรงแรมที่อายุมากเก่าๆ  ไม่รู้ใครเป็นใครตายหรือบ้านรับรองตามหน่วยงานเขื่อน มีประวัติผีดุหรือตามรีสอร์ท  ที่อยู่ห่างกันและวังเวง

      ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับคำว่า  “ผี” เสียก่อน ผี คือ วิญญาณของมนุษย์  ผีต้องทำหน้าที่ผี คือ  เป็นผีต้องหลอก ถ้าไม่หลอกย่อมไม่ใช่ผีแน่นอน

      สภาพการตายของคนตามโรงแรม  บ้านพัก เช่น กินยาตาย ยิงตัวตาย  หัวใจวาย ฆ่ากันตาย ไฟดูดตาย ผูกคอตาย ถ้าไม่มีการตายก็อาจจะมีโอปาติกะ (ผี/วิญญาณเร่ร่อน) เข้ามาสิงสถิต  นอกนั้นก็เป็นผีปู่ย่าตายายประจำบ้าน

      ลูกๆ  เคยประสบพบกับผีหลอกบ้างหรือเปล่า ถ้าเคยโดนผีหลอกแล้วก็คือว่าเป็นประสบการณ์  แต่ถ้ายังไม่เคย  และมีแนวโน้มว่าอาชีพหรือการงานจะต้องเดินทางเสมอน่าจะทราบเคล็ดแต่ไม่ลับไว้บ้างก็จะดี เพราะถ้าถูกผีหลอกในห้องพักตอนกลางคืนระหว่างการนอนย่อมไม่ดีแน่นอน มันจะเครียดขนาดไหน โดยเฉพาะการพักคนเดียวจิตสำนึกลึกๆ ของคนส่วนใหญ่จะกลัวผีครับ

เคล็ดไม่ลับง่ายๆ  ดังนี้

   1. สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย เสร็จแล้วต่อข้อ 2
   2. ถ้ามีเจ้าที่เจ้าทาง (ผี) ในห้อง ขอให้ช่วยคุ้มครองปกป้องรักษาดูแลทรัพย์สินให้ด้วย ขอบคุณ (อย่าลืมขอบคุณผีด้วยนะลูก) จะมีความรู้สึกว่าผีเป็นเพื่อนเรา ความรู้สึกกลัวลึกๆ จะหายไป รับรองผีไม่มาหาแน่ หรือถ้ามีชอบใจอาจบอกหวยก็ได้
   3. ถ้าลูกๆ ดวงแข็ง ไม่ต้องทำทั้ง 2 ข้อเลยก็ได้ ผีย่อมเข้าใจและยอมรับได้ เจ้า

สรุป ผีมีจริง อย่าลบหลู่นะลูก

ข้อคิด กำลังใจบางครั้งเกิดได้จากสิ่งที่ไร้ตัวตน ขอให้คิดดี ทำดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะสนับสนุนเอง

รักลูกๆ ทุกคน

พ่อ
25 ส.ค. 2552

ม้าออกลูกและดนตรีฝึก

      ลูกๆ  นักเรียน นักศึกษา คงได้เรียนตำราพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊กมาบ้างแล้ว  ซึ่งมีอยู่หลายตอนที่น่าศึกษาทั้งนั้น แต่ละตอนมีข้อคิดแง่คิดทางการทหาร การบริหารและการปกครอง  สามก๊กเต็มไปด้วยกลยุทธเล่ห์เหลี่ยม ความดีและความชั่ว แล้วแต่ผุ้ศึกษาจะจับข้อคิดแง่คิดส่วนไหน

      คุณพ่ออยากจะเล่าถึงสามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือในส่วนย่อย แสดงให้เห็นถึงการผูกมิตรของผู้มีอำนาจและฝีมือการรบด้วยความสามารถทางปัญญา
 

      จูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) ที่ปรึกษามองท่านเล่าปี่เชื้อสายกษัตริย์ 1 ใน 3 ก๊ก เดินทางไปเชิญชวนจิวยี่ ทหารเอกของท่านซุนกวน (1 ใน 3 ก๊ก) เพื่อร่วมมือกันรบต่อต้านโจโฉ สมุหนายก

สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อจูกัดเหลียงในการเชิญชวนจิวยี่

         1. ม้าของจิวยี่คลอดลูก แต่ลูกม้าคลอดโดยเอาขาหน้าออกมาข้างหนึ่ง เป็นเชนนี้อยู่ 2 วัน ทั้งจิวยี่และทางเสียวเกี้ยว (ภรรยา) จูกัดเหลียง และก่าเหล็ง อยู่ในคอกม้า ทั้งนี้จูกัดเหลียงได้อาสาทำคลอดลูกม้า โดยใช้มือจับขาลูกม้าดันเข้าทางช่องคลอดเข้าไปจัดขาม้าให้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติ แล้วจับขาหน้าลูกม้าดึงออกมาจากท้องแม่ม้า และแม่ม้าก็คลอดได้ตามปกติ จิวยี่ก็ดูชื่นชมจูกัดเหลียงอยู่ในที

         2. คืนนั้นทั้งจิวยี่ก็บรรเลงเพลงด้วยขิมให้จูกัดเหลียงฟัง และจูกัดเหลียงก็บรรเลงเพลงให้จิวยี่ฟัง

      ท้ายทั้ง 2 คน ก็บรรเลงเพลงขับเคี่ยวกัน ดั่งประสานความในใจของความรักชาติรักแผ่นดิน และจะร่วมกันกำจัดคนชั่ว (โจโฉ) ของแผ่นดิน โดยท่าทีโจโฉจะเป็นกบฏชิงราชบัลลังก์จากฮ่องเต้

      ผลจูกัดเหลียงก็ได้จิวยี่และทีมนักรบรองลงไปมาร่วมกันรบ ทำให้ทั้งก๊กเล่าปี่และก๊กซุนกวนมีความเข้มแข็งขึ้น แต่เมื่อเทียบจำนวนทหาร 3 หมื่น สู้กับทหารโจโฉ 8 แสน ภายใต้เสนาธิการ (ที่ปรึกษา) จูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) เปรียบคำสั่งรบ แล้วงงครับ แต่ก็เชื่อมือจูกัดเหลียง

      สรุปสุดท้ายของการรบทางเรือโจโฉต้องแพ้และแตกพ่าย กองทัพเรือถูกไฟไหม้ ทหารแตกทัพ (ยุติสงครามในตอนนั้น) แต่สงครามก็ยังต่อเนื่อง

      คุณพ่ออยากจะชี้ให้ลูกๆ  เห็นจุดที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีสู่การร่วมมือกันสู้รบ (ตายเป็นตาย เพราะการรบไม่ใช่การเดิน  shopping แน่นอน) นั่นคือ ความจริงใจและความต้องการร่วมกัน ใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

      ข้อคิด ความรักชาติบ้านเมือง ควรยืนอยู่ในอุดมการณ์ของชาติและประชาชน ซึ่งลูกหลานต่อไปจะเป็นผู้รับผิดชอบบ้านเมือง

รักลูกๆ ทุกคน

พ่อ
27 ส.ค. 2552

Sunday, August 23, 2009

หมาเหลืองพี่โน้ต ต้องดูนะจ๊ะ!

      ร้านไอเบอรี่ (iberry) เป็นร้านไอศกรีม/กาแฟที่ฮิตที่สุดของเชียงใหม่ ลูกๆ คงรู้นะว่าร้านไอเบอรี่ของใคร? ถ้านักเรียน นักศึกษาคนไหนไม่รู้-ก็เชยแบบแอ๊บแบ๊ว ลูกๆ ที่จะเข้าร้านที่โน้ตคงจะต้องมีหมากกะตังค์หน่อยนะจ๊ะจะบอกให้!!

      คุณพ่อมีโอกาสไปนั่งร้านพี่โน้ตก่อนเวลายังไม่มีลูกค้ามาเลยซักคน  แต่คุณพ่อก็มีเพื่นร่วมร้านอยู่ 1 ตัว ลูกๆ ลองเดาดูซิว่า  เพื่อนร่วมนั่งชมวิวเย็นๆ สบาย สบาย ระคนกับคนงานลุงโน้ตก็กำลังกวาดใบไม้แกร๊ก แกร๊ก มองเลบไปถึงผนังรั้วด้านหลัง  เห็นรูปปูนปั้นรูปร่างรีแบบไข่  มีตา มีจมูก มีปาก แต่ที่แน่ๆ จมูกใหญ่ๆ แบบพีโน้ต ดูแล้วเหมือนพี่โน้ตชะมัด

      วกกลับมาถึงหมาเหลืองยืนเป็นเพื่อนคุณพ่อ คุณพ่อนั่งพิจารณาดู ดูอย่างไรก็คล้ายพี่โน้ต  เหมือนดังที่พี่โน้ตพูดไว้ในการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน ลูกๆ ดูดูกันอยู่แล้วว่าเป็นหมาตัวผู้หรือตัวเมีย อาจจะดูยาก เพราะพี่โน๊ตไม่ได้ปั้นสัญลักษณ์ของเพศไว้ ที่จริงถ้าจะให้หมาเหลืองใหญ่ตัวนี้มีชีวิตชีวา  พี่โน้ตน่าจะปั้นให้ท่าทาง  กริยาในบางท่าซึ่งจะทำให้ลูกค้าร้านไอเบอรี่ได้มีความสุข ขำขันในขณะนั่งทานไอศกรีมหรือกาแฟในบริเวณร้านนะครับ
    1. หมาเหลืองอาจจะอยู่ในท่าสวัสดี และนั่งขาไขว่ห้างขาซ้ายจะทับขาขวาหรือขาขวาจะทับขาซ้ายก็ได้ เป็นกริยาที่ประทับใจจ๊อด ท่าทางแบบไทยผสมนักเลงหน่อยๆ แถมยิ้มหน่อยๆ จะดีมาก
    2. หมาเหลืองยืนมานานแล้ว ค่อนข้างจะจืดชืดแถมจะปวดเบา พี่โน้ตอาจจะปั้นให้มีท่าทางยืนฉี่ ถ้าพี่โน้ตมั่นใจว่าเป็นหมาตัวผู้จะต้องให้หมาเหลืองยกขาหลังแล้วงอขามาทางข้างหลัง (เป็นท่าฉี่ของหมาตัวผู้) แต่ถ้าพี่โน้ตมั่นใจว่าเป็นหมาตัวเมีย ก็ปั้นให้มีท่าทางนั่งยองไปทางหลังเล็กน้อย (เป็นท่าฉี่ของหมาตัวเมีย)
         ทั้ง 2 ท่านี้จะทำให้ หมาเหลืองพี่โน้ตท่าทางน่ารักทั้ง 2 และจะเป็นที่โจษจัน สร้างความขำขันและความสุขให้ลูกค้า นักเรียนนักศึกษาและบุคคลทั่วไปมากยิ่งขึ้น เพราะการเล่าปากต่อปากจะทำให้มีลูกค้ามาชมและอุดหนุนไอศครีม/กาแฟพี่โน้ตมากยิ่งขึ้น รวยซะไม่มีหรือไม่ก็รวยจนเข็ด! จนอาจเกิดสโลแกนว่า ใครไม่ได้ไปนั่งกินไอศครีมหรือจิบกาแฟที่ร้านพี่โน๊ตก็ไปไม่ถึงเจียงใหม่นะเจ้า!

         พี่โน้ตหัวใสนะลูก (หัวดีมีการคิดริเริ่มดี) ที่จัดทำของเล่น/ของฝากเป็นตุ๊กตาหมาจำลองแบบหมาตัวใหญ่ไว้ขาย  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเอกบุรุษของพี่โน้ตเขา  คุณพ่อขอเสนอพี่โน้ตไว้เลยว่า ตุ๊กตาหมาควรจะทำหลายๆ  อิริยาบถ เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อได้อย่างถูกใจ เผลอๆ อาจจะขายดิบขายดีเป็น OTOP อันดับหนึ่งของเชียงใหม่ก็เป็นไปได้นะครับ

         คุณพ่อมีคำถามเกี่ยวกับพี่โน้ต ลูกๆ ลองตอบเล่นๆ ก็ได้ ...
    1. พี่โน้ตมีบุคลิกภาพอย่างไร?
    2. มีความมุ่งมั่น เข้มแข็งอะไร?
    3. มีความคิดแนวศิลปะแบบไหน?
    4. มีวิธีการสร้างเนื้อ สร้างตัว สร้างฐานะ อย่างไร?
    5. ทำไมต้องมีรูปปั้นเหมาเจอตุงและมิกกี้เม้าส์?
    6. มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพอย่างไร?
 คุณพ่อชื่นชมพี่โน้ต พี่โน้ตเป็นตัวอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่ทั้งนักเรียนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป

ข้อคิด

การดำเนินชีวิตของคนไม่ใช่โปรยด้วยกลีบกุหลาบ จะมีทั้งหนามและเศษแก้ว ลูกๆ ต้องมีความเข้มแข็ง อดทน มีเหตุมีผล และมีเป้าหมายชีวิต ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


      รักลูกๆ ทุกคน
      จากพ่อ
      24 ส.ค. 2552

Friday, August 21, 2009

โหมโรง!!!

โหมโรง!!! โหมโรง!!! โหมโรง!!! ในสาระความเข้าใจของคนทั่วๆ ไป มีนัยของการแสดงละคร นาฎดนตรี โดยเริ่มออกแขกออกโรงการแสดง เสียงกลอง เสียงปี่พาทย์ประสานเสียงเข้าจังหวะจะโคน เหมือนหนังไทยเรื่องโหมโรงนั่นแหละ เด็กๆ รุ่นใหม่คงจะเข้าใจนะครับ

ข้าพเจ้าฯ ขออนุญาตเรียกตัวข้าพเจ้าเองแทนคุณพ่อของลูกๆ นักเรียนนักศึกษา (คุณพ่ออายุ 60 ปี เด้อ) ว่าคุณพ่อ และคุณพ่อจะเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตในหลายด้านที่จะเป็นประโยชน์ต่อลูกๆ นักเรียน นักศึกษาตลอดจนบุคคลทั่วไป

มีนักเขียนหลายๆ ท่านได้เขียนถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิต ถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก การถ่ายทอดสิ่งที่ได้ผ่านการทดลอง การปฏิบัติ ทั้งผิดทั้งถูก ของชีวิตในการทำงาน การดำรงชีพ ปัญหาในหลายๆ รูปแบบ ซึ่งเป็นประสบการณ์จริง ไม่มีการสอนในสถาบัน และทุกๆ ท่านมีสิทธิที่จะเขียนประสบการณ์ของตนเอง เล่าสู่กันฟังต่อบุคคลทั่วไป ลูกๆ น่าจะหาโอกาสอ่านและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากผู้เขียนทุกท่าน โดยไม่ต้องลองผิดลองถูก เพียงแต่ประยุกต์บ้างให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ของตนเอง จะถือว่าเป็นประโยชน์มากต่อความสำเร็จในการทำงานและการดำรงชีวิต

สำหรับคุณพ่อมีประสบการณ์อะไรหรือที่จะมาเล่าสู่กันฟัง? คุณพ่อทำงานที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง โดยหน้าที่ต้องทำงานแบบครอบจักรวาล ต้องทำงานตามหลักวิชาการและใช้จิตสำนึกความรู้สึก เพียงแต่ใช้หลักวิชาการมากกว่า

ปรัชญาการบริหารและจัดการ (เป็นที่ยอมรับทางสากล)

  1. ใช้หลักวิชาการและข้อมูล ประมาณ 80%
  2. ใช้จิตสำนึก/ความรู้สึก 20%
การบริหารและจัดการจะประสบความสำเร็จ

    ปรัชญาการเรียน (แนวคิดของนักเรียนเก่งๆ)

    1. ให้เวลากับการเรียนมากๆ (ทั้งในและนอกเวลา)
    2. มีสมาธิในการเรียน
    3. สอบถามครู/อาจารย์/หาความรู้จากห้องสมุด
    4. (คุณพ่อขอเพิ่มเติม) การเรียนหนังสือแต่ละบทให้จัดทำเป็น (Block Diagram) ขั้นตอนของเนื้อหา ตำรา 1.... 2.... 3.... ฯลฯ จะทำให้เข้าใจได้มากและลงลึกได้มากขึ้น
ประโยชน์ของข้อ 4. จะทำให้เข้าใจในความต่อเนื่องของบทเรียนและลดจำนวนหน้าตำราจาก 200-300 หน้า เหลือเพียง 20-30 หน้า

ข้อคิด

การเรียนคือการลงทุน ค่าขนม ค่าเดินทาง ค่าตำรา ค่าเวลาที่นั่งเรียน ความทุกข์ยากลำบากของพ่อ-แม่ในการทำมาหากิน ควรจะศึกษาหาความรู้ให้มาก อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ค่า ถือว่าขาดทุน

รักลูกทุกคนเด้อ
จากพ่อ

20 สิงหาคม 2552